ความเละเทะของการฉีดวัคซีนที่สถานีกลางบางซื่อ

ใบนัดที่ได้หลังจากฉีดวัคซีนมาแล้ว

เมื่อวันพุธที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2564 ศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อ เขาประกาศให้ผู้ที่มีความเสี่ยงทั้ง 3 กลุ่ม (ผู้สูงอายุ ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป พร้อมผู้ติดตาม, หญิงตั้งครรภ์อายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไป พร้อมใบรับรองแพทย์ และคนที่มีน้ำหนักเกิน 100 กิโลกรัม) ให้สามารถไปฉีดวัคซีนแบบ walk-in ได้ที่สถานีกลางบางซี่อ (ผมยังคงหงุดหงิดกับชื่อภาษาอังกฤษว่าทำไมไม่ใช้ว่า Bangsue Central Station หรือ Bangsue Main Station)

เนื่องจากว่าผมเป็นหนึ่งในกลุ่มเสี่ยง 3 กลุ่มที่ว่า (เกณฑ์หลังสุด) เลยตัดสินใจไปฉีดวัคซีนเข็มแรก ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564) โดยวัคซีนที่ได้ฉีดจะเป็นชนิดเดียวทั้งหมด คือของ AstraZeneca (เห็นเขาว่าผลิตโดย Siam Bioscience)

แม้ว่าส่วนตัวตอนนี้ยังคงอยากจะฉีดวัคซีน mRNA อยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ของ Pfizer/BioNTech แต่จากความล้มเหลวในการบริหารจัดการของภาครัฐ ทำให้บ้านเราได้ฉีดแค่นี้ (ซึ่งยังไงก็ดีกว่าวัคซีนวุ้นอย่าง Sinovac ที่มีคนอวยนักอวยหนาว่าดีอย่างโน้นดีอย่างนี้)

ซึ่งก็ต้องรับสภาพว่า สุดท้าย มีฉีดก็ยังดีกว่าไม่ได้ฉีด


เริ่มต่อคิว

ทีนี้ ตอนผมเข้าไปฉีด เนื่องจากเป็นวันแรกในรูปแบบ walk-in ผมก็พอเข้าใจแหละว่ามันน่าจะวุ่นวายพอสมควร แต่ก็ไม่คิดว่า ความวุ่นวายดังกล่าวมันกลับสะท้อนในด้านความล้มเหลวในการจัดการผู้ที่เข้ามาฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจัดคิวผู้เข้ามาฉีด เพราะระบบที่จัดมา ซับซ้อน สับสน สร้างความวุ่นวายให้กับผู้ที่เข้ามาฉีด และทำให้ผู้เข้ามาฉีดรู้สึกลำบากมากกว่าสะดวกสบาย

เริ่มต้น ผมมาถึงราว ๆ 11 โมง ต่อคิวประตู 4 คนก็เยอะมาก ๆ ทีนี้ ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่สถานีกลางบางซื่อมีทั้งหมด 4 ประตู โดยในเบื้องต้น มีการแบ่งประตูที่เข้าฉีดออกเป็น 4 ประตู ไม่มีการจัดหมวดหมู่ตั้งแต่แรก ยกเว้นการแบ่งโควต้าของแต่ละเครือข่ายโทรศัพท์ (NT, AIS, dtac, True ในประตูที่ 1-4 ตามลำดับ) ไอ้ผมก็ไม่ได้กดจองจากเครือข่ายโทรศัพท์ (ส่วนตัวถ้ากดก็คงกดของ AIS ไป)

หลังจากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงประกาศให้คนที่ walk-in ทั้งกลุ่มหญิงตั้งครรภ์และกลุ่มน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม ให้ย้ายไปประตู 1 (ซึ่งอยู่คนละฝั่งกันเลย) ผมในฐานะคนที่อยู่ในกลุ่มนี้ ก็เลยเดินไปต่อแถวตอนต่อแถวเข้าคิวอีกฝั่ง


ความวุ่นวายจากระบบคิวนอกอาคาร

เริ่มต้น ก็มีการต่อแถวยาวเหยียด 1 แถวตอน ซึ่งภายหลัง เขาให้แบ่งออกเป็น 3 แถว คนมาต่อก่อนจะอยู่แถวแรก แล้วต่อด้วยแถวที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ซึ่งสิ่งที่ผมเข้าใจคือ มาก่อนได้ฉีดก่อน

ทีนี้ แถวแรกปล่อยเข้าไป พอเข้าใจได้ แต่พอรอบถัดมา ให้เข้า 2 แถว ไอ้เราก็งงสิครับ ทำไมไม่ปล่อยทีละแถว มาก่อนได้ก่อนอะไรแบบนี้

ตรงนี้พอเข้าใจได้ว่าเป็นยังไง จัดการอย่างไร แต่หลังจากนั้นมันกลับเละกว่าเดิม เพราะว่า พอเข้าไปแล้ว เจ้าหน้าที่ให้จัดแถวแนวยาว 6 คน เรียงซ้อนไปเรื่อย ๆ แล้วพอเรียกที ก็เข้าไปรอบละ 3 แถว ตั้งแถวตอนลึก 18 คน

ทีนี้ ประเด็นการเรียกเข้า อันนี้ไม่มีปัญหาอะไรเป็นพิเศษ แต่ตอนจัดแถวแนวยาวเนี่ย มันไม่มีการมาร์คจุดที่พื้นว่าให้ยืนตรงไหน เพื่อรักษาระยะห่างระหว่างบุคคลตามมาตรการของภาครัฐ (อย่างน้อย ก็ควรจะมีเทปมาแปะเพื่อกำหนดจุด จะได้ง่ายต่อการจัดการแถวและการรักษาระยะห่าง)

ตอนตั้งแถวตอนลึก 18 คน ตรงนี้ไม่มีปัญหาในเรื่องแถว เพราะจัดระบบได้ “ดี” พอสมควร แต่ไอ้คำว่า “ดี” ในที่นี้มันกลับกลายเป็นปัญหาเมื่อเรียกเข้าไปข้างในอาคารเนี่ยแหละครับ


ความเละเทะของคิวเมื่อเข้าในอาคาร

พอปล่อยเข้าข้างใน ก็เข้ารอบละแถว พอเข้าใจได้บ้างว่าจะเข้าอย่างไร เข้าไปถึงก็วัดอุณหภูมิร่างกายก่อนด้วยเครื่องวัดฝ่ามือ (ที่เขาไม่แนะนำให้ใช้ฝ่ามือวัด เพราะมันไม่เที่ยงตรง, วัดน้ำหนัก แล้ววัดความดัน (อันหลังไม่บังคับ เพราะบางคนวัดมาจากบ้านแล้ว) พอวัดเสร็จก็เข้าไปนั่งรอและกรอกข้อมูลลงทะเบียนผู้เข้ามาฉีดวัคซีน

แต่ความบรรลัยมาถึงตอนที่จัดแถวเข้าโซนลงทะเบียนผู้เข้ามาฉีดวัคซีนเนี่ยแหละครับ โดยทางศูนย์ได้วางเก้าอี้เป็นแนวยาว (ประมาณ 30-40 อันได้) ตอนลึก 6 คนต่อแถว ดูเหมือนจะไม่มีปัญหาอะไรใช่ไหมครับ แต่จริง ๆ ตรงนี้ปัญหาเยอะสุดครับ เพราะว่าแทนที่จะปล่อยไปเป็นชุด ชุดละหลายแถว (ข้างในมีเก้าอี้ 48 ตัว ประจำ 8 สถานี สถานีละ 6 คน ซึ่งแปลว่า สามารถปล่อยแถวไปรวดเดียวได้ 8 แถวต่อชุด)

กลับกลายเป็นว่า ปล่อยไปรอบและแถว และให้คนขยับก้นเข้ามารอบละเก้าอี้! (ใช่ครับ ฟังไม่ผิด ปล่อยทีละ 6 คน) ซึ่งความเป็นจริง มันควรจะปล่อยเข้ารอบละ 48 คนไปเลย ไม่ใช่เข้ารอบละ 6 คน (ถ้าเป็น 54 คนในแต่ละรอบ ก็สามารถปล่อยเข้าตอนแถว 18 คนได้ 3 แถวพอดี) แล้วไอ้ตรงที่นั่งรออยู่ก็ควรจะรอเป็นล็อก ๆ ไปเลยว่าล็อกนี้ไปได้ มันจะเป็นระเบียบกว่านี้เยอะ

สุดท้าย ตอนนั่งรอ ก็ขยับไปทีละแถว คนที่นั่งแถวอื่น ก็ต้องลุกขยับไปทีละนิด ๆ ซึ่งมันไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น

แต่ขั้นตอนหลังจากนั้น ไม่มีอะไรแย่ โดยรวมถือว่าดีพอตัว แต่ไม่ได้ดีเลิศเท่าไรนัก ทั้งตอนฉีดวัคซีน และตอนนั่งรอสังเกตอาการ


สรุปปัญหาที่เกิดขึ้น

ปัญหาที่เกิดขึ้น เกิดจากความไม่เป็นระเบียบ และแนวทางการฉีดวัคซีนที่ไม่มีการกระจายไปในแต่ละจุดอย่างกว้างขวางในวันนั้น ซึ่งมันทำให้คนที่มีเจตนาในการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการเกิดโรค COVID-19 กลับกลายเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะโดนไวรัสเล่นงานเอาเสียแทน

ประกอบกับการจัดการอันไม่เป็นระบบของศูนย์ฉีดวัคซีนกลางบางซื่อเอง ที่ทำให้ระบบคิวมันเละเทะกว่าที่ควรจะเป็น ซึ่งสะท้อนถึงปัญหาในการจัดการที่ไม่เป็นระบบมาตั้งแต่แรก ทำให้ผู้เข้ามาฉีดไม่มีความสะดวกสบายในการฉีดวัคซีน ทนร้อนทนฝนกับพื้นที่ร่มหน้าศูนย์ และต้องเมื่อย เนื่องจากการขยับแถวทีละนิด ทีละหน่อย ไม่เป็นชุดเดียวกัน

แม้ว่าในวันที่เขียนบล็อกนี้ (27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564) จะมีการปรับรูปแบบให้คนสามารถไปฉีดวัคซีนในจุดอื่น ๆ ได้ทั่วกรุงเทพฯ ได้แล้ว รวมไปถึงประกาศฉีดวัคซีนเพิ่มเติมที่ศูนย์ฯ แต่จะต้องลงทะเบียนผ่านเครือข่ายโทรศัพท์เท่านั้น ไม่มีการ walk-in เข้ามาแล้ว

แต่ปัญหาการจัดการคิวฉีดวัคซีน น่าจะยังคงเป็นปัญหาหลักที่ยังแก้ไม่ตก ถ้าหากยังคงให้มีการฉีดวัคซีนในรูปแบบนี้อยู่ มันทำให้ประสบการณ์ในการฉีดวัคซีนมันเลวร้ายลงอย่างเห็นได้ชัด


แนวทางการแก้ไข

สำหรับผม ผมขอเสนอแนวทางการแก้ไขปัญหาการฉีดวัคซีนแบบ walk-in ว่า

  1. ควรมีการเปิดลงทะเบียนฉีดวัคซีนล่วงหน้า (กำลังทำอยู่ในรอบถัดไป) แทนที่จะเปิด walk-in แบบเสรี ยกเว้นกรณีของผู้สูงอายุ ซึ่งการ walk-in น่าจะยังเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้ เนื่องจากกลุ่มนี้อาจจะไม่รู้จักวิธีการเข้าถึงเว็บไซต์จอง แต่ถึงกระนั้นก็ควรมีแนวทางการจองอย่างอื่น เช่น ระบบโทรศัพท์สายตรงฉีดวัคซีน เป็นต้น
  2. ควรกระจายพื้นที่ฉีดวัคซีนได้แล้ว
  3. ในกรณีที่ต้องการให้มีการ walk-in ควรมีการวางแผนและประชาสัมพันธ์ถึงการจัดคิวฉีดวัคซีนให้ชัดเจนตั้งแต่ก่อนเริ่มเปิด walk-in ว่าคนกลุ่มนี้ให้เข้าประตูไหน อาศัยข้อมูลที่มีอยู่เพื่อประมาณการคนที่จะมาฉีดวัคซีนในแต่ละกลุ่มให้ชัดเจน
  4. การจัดคิวควรจัดแบบ มาก่อน ได้ก่อน (first come, first serve) ไม่ใช่เรียกตามใจฉัน
  5. ควรมีการแบ่งกลุ่ม แบ่งแถวให้ชัดเจน รักษาระยะห่างตั้งแต่แถวตอนต่อคิวก่อนจัดระเบียบคิว
  6. แถวก่อนเข้าไปฉีด ควรจัดเป็น 8 แถว ไม่ใช่ 6 แถว ถ้าหากต้องการให้เข้าไปลงทะเบียนรอบละ 48 คน (ตอนต่อแถวตอน จะได้แถวละ 16 คน เรียกเข้าทีละ 3 แถวได้พอดี)
  7. การเข้าไปในโซนลงทะเบียน ควรมีการจัดเข้าไปรอบละ 48 คน ไม่ใช่เข้าทีละ 6 คน เพื่อลดการลุกและนั่ง โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาด้านข้อเข่า
  8. เลิกเอา Sinovac เข้ามาได้แล้ว คนส่วนใหญ่ที่มาที่นี่ เพราะเขาไม่อยากฉีด Sinovac แต่รัฐบาลก็ยังโง่ สั่งซื้อวัคซีนที่ประสิทธิภาพเหมือนสุ่มกาชา
  9. และก็ไม่ต้องเปิดวิดีโอนำเสนอหลังเคาน์เตอร์ลงทะเบียนด้วย มันเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลที่ต้องฉีดวัคซีนและจัดการเรื่องพวกนี้ (ขอละไว้ในฐานที่เข้าใจ)

Discover more from Be1con's Blog

Subscribe now to keep reading and get access to the full archive.

Continue reading